สิว เป็นปัญหาผิวที่สร้างความปวดหัวให้กับคนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอาการอักเสบที่เป็นอีกหนึ่งตัวการในการทำลายความมั่นใจได้อย่างง่ายดายกันเลยทีเดียว สาเหตุของการเกิดสิวในบางครั้งก็อาจจะเกิดจาการล้างหน้าไม่สะอาด ใช้เครื่องสำอางหรือสกินแคร์ที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว บางครั้งสิวยังอาจจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสมดุลร่างกายอย่างฮอร์โมนได้ด้วยเช่นกัน หากใครที่มีอาการของสิวรุนแรงและเรื้อรัง ทีมงานมายเบสท์แนะนำว่าให้ไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อหาสาเหตุและการดูแลรักษาอย่างถูกต้องจะดีกว่าค่ะ แต่หากคนที่นาน ๆ จะเป็นสิวสักทีหรือคนที่มีผิวหน้าไม่เรียบเนียนอาจจะลองซื้อยารักษาสิวที่ขายตามร้านขายยามาทาเองก่อนก็ได้ ซึ่งในบรรดายารักษาสิว มีวิตามินสำหรับป้องกันและลดสาเหตุของการเกิดสิวจำหน่ายอยู่ด้วย
การรับประทานวิตามินถือว่าเป็นหนึ่งทางเลือกในการดูแลสุขภาพ เพราะวิตามินที่เรารับประทานสามารถถูกดูดซึมเข้าไปเพื่อบำรุงและฟื้นฟูส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ เช่นเดียวกับวิตามินรักษาสิวที่รับประทานเข้าไปแล้วสามารถช่วยยับยั้งการอักเสบของสิวและดูแลผิวหน้าของคุณให้ห่างไกลจากสิวได้อีกด้วย ทั้งนี้วิตามินรักษาสิวนั้นมีอยู่หลายยี่ห้อไม่ว่าจะเป็น DHC, Vistra, Lion และอื่น ๆ จะเลือกอย่างไรถึงจะให้ได้ครบทุกวิตามินและสารอาหารที่ช่วยรักษาสิววันนี้เราจะมานำเสนอวิธีและเคล็ดลับในการเลือก รวมไปถึงเรายังได้รวบรวม 10 อันดับ ยี่ห้อวิตามินรักษาสิว ที่ได้รับความนิยมมาเป็นไอเดียในการเลือกซื้อให้คุณอีกด้วย
วิตามินรักษาสิวที่มีประสิทธิภาพนั้นควรจะประกอบไปด้วยสารอะไรบ้างนะ ? เชื่อว่าหลายคนอาจจะยังมีความสงสัย เพราะนอกจากวิตามินบางกลุ่มที่สามารถให้ผลในเรื่องของการรักษาสิวแล้วยังมีเครื่องยาสมุนไพรบางอย่างทั้งจากพืชและสัตว์ที่จะสามารถช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิวได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นมาดูกันดีกว่าค่ะว่าสิ่งที่ต้องพิจารณาเมื่อเลือกซื้อวิตามินรักษาสิวจะมีอะไรบ้าง
วิตามินสำหรับรักษาสิว หากจะให้ได้ผลดีควรจะมีส่วนประกอบของวิตามิน B2 และ B6 เพราะวิตามินสองตัวนี้นอกจากจะช่วยบำรุงผิวพรรณแล้ว ยังช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายให้หลุดออกไป และควบคุมความมันส่วนเกินบนผิวอันเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิวได้อีกด้วย
ปริมาณวิตามิน B2 และ B6 ที่เราควรบริโภคในหนึ่งวันนั้นสำหรับวิตามิน B2 จะอยู่ที่ 1-1.5 mg และสำหรับวิตามิน B6 จะอยู่ที่ 1-2 mg ดังนั้นควรจะต้องระมัดระวังไม่ให้บริโภคน้อยเกินไปหรือมากเกินไปภายใน 1 วัน เพื่อให้ได้ผลที่เด่นชัดในการรักษาสิว
แร่ธาตุที่ทำหน้าที่สำคัญในการช่วยแก้ไขปัญหาสิวได้อย่างดีเยี่ยม คือ สังกะสี (Zinc) นั่นเอง เพราะสังกะสีสามารถช่วยควบคุมความมันส่วนเกินบนใบหน้าที่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสิว อีกทั้งยังช่วยควบคุมสมดุลฮอร์โมนและวิตามิน A ที่มีผลอย่างมากต่อสุขภาพผิวหนังของเรา และอีกหนึ่งคุณสมบัติเด่นที่ทำให้สังกะสีเป็นแร่ธาตุจำเป็นสำหรับคนเป็นสิว คือ สามารถยับยั้งการอักเสบ อาการระคายเคืองต่าง ๆ ที่เกิดจากสิวหรือผื่นได้อย่างดีเยี่ยม
ปริมาณสังกะสีที่ควรบริโภคต่อวันนั้นอยู่ที่ 12-15 mg แต่หากใครที่มีความจำเป็นต้องรับประทานอาหารเสริมจากธาตุเหล็กควรจะเลือกรับประทานอาหารเสริมจากสังกะสีคนละเวลา เพราะธาตุเหล็กและสังกะสีเป็นสารที่ทำงานขัดแย้งกันและกัน สำหรับใครที่เป็นโรคโลหิตจางควรจะปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนจะใช้วิตามินรักษาสิวที่มีส่วนผสมของสังกะสีทุกครั้ง เพื่อให้ได้ปริมาณที่เหมาะสมและไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
นอกจากวิตามิน B2, B6 และสังกะสีแล้ว ก็ยังมีวิตามินและกรดอะมิโนบางชนิดที่ช่วยรักษาและลดการเกิดสิวได้ด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่น L-Cysteine ซึ่งเป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่เป็นสารตั้งต้นของกลูต้าไธโอน (Glutathione) สามารถลดเลือนรอยแผลจากสิวได้และยังมีคุณสมบัติช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ บำรุงผิวพรรณอีกด้วย หรือวิตามิน C ซึ่งเป็นวิตามินสำคัญในการสร้างความกระจ่างใสให้กับผิว ลดรอยดำและความหมองคล้ำต่าง ๆ พร้อมรักษาสภาพผิวให้ดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ ดังนั้นก่อนที่จะเลือกซื้อวิตามินรักษาสิวมารับประทานควรตรวจสอบดูส่วนผสมที่ระบุไว้บนฉลากนั้นมีสารอื่น ๆ ที่ช่วยบำรุงรักษาผิวให้ไกลจากสิวเพิ่มเติมหรือไม่ เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องเสียเวลารับประทานวิตามินหรืออาหารเสริมหลาย ๆ ตัวนั่นเองค่ะ
สมุนไพรถูกใช้ในการรักษาทางการแพทย์มาตั้งแต่สมัยโบราณ บางชนิดก็สามารถดูแลผิวและรักษาสิวได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งวิตามินรักษาสิวบางยี่ห้อก็จะมีส่วนประกอบของสมุนไพรร่วมด้วยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาสิวได้ดียิ่งขึ้น
แต่สมุนไพรเหล่านี้มักจะมีผลข้างเคียงจากการใช้ เช่น ทำให้เกิดอาการท้องเสียหรือท้องผูก รวมไปถึงสมุนไพรที่มีประสิทธิภาพในการล้างพิษก็มีผลข้างเคียงที่ทำให้คุณรู้สึกคลื่นไส้วิงเวียนได้เช่นกัน ดังนั้นหากพบอาการผิดปกติหลังจากที่รับประทาน ให้คุณหยุดรับประทานวิตามินรักษาสิวดังกล่าวโดยทันที และรีบไปปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาอาการเหล่านั้น
สมุนไพรนั้นจะต้องใช้อย่างระมัดระวังทั้งในเรื่องของจุดประสงค์และปริมาณที่ใช้ ดังนั้นก่อนจะเลือกซื้อวิตามินรักษาสิวที่มีส่วนผสมของสมุนไพร คุณควรต้องศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้มั่นใจว่าวิตามินรักษาสิวที่คุณใช้จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายกับตัวคุณในภายหลังได้
สาร Yokuinin ที่สกัดจากลูกเดือย (Job's Tear) หรือที่เรามักจะคุ้นหูในชื่อของ Hatomugi จัดเป็นองค์ประกอบหนึ่งในตำรับยาทางแพทย์แผนจีนด้วยในการรักษาปัญหาผิวหนังทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นปัญหาผิวไม่เรียบเนียน หูดข้าวสุก ผื่น สิวอุดตันและสิวอักเสบต่าง ๆ ได้
ลูกเดือย นอกจากจะมีฤทธิ์ในการขับปัสสาวะแล้วยังมีคุณสมบัติในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวอีกด้วย ดังนั้นใครประสบปัญหาผิวลอกเป็นขุยหรือสิวผดผื่นที่เกิดจากผิวแห้งกร้านก็สามารถใช้สาร Yokuinin ในการฟื้นฟูผิวให้กลับมาแข็งแรงได้ด้วยเช่นกัน
สาร Yokuinin นั้นจัดเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งจึงอาจจะมีผลข้างเคียงต่อร่างกายได้ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นผื่นแพ้หรือท้องเสีย ดังนั้นให้คอยสังเกตว่ามีอาการข้างเคียงเหล่านี้เกิดขึ้นในระหว่างการใช้วิตามินหรืออาหารเสริมที่มีสาร Yokuinin เป็นส่วนประกอบหรือไม่ หากมีก็ขอให้งดใช้วิตามินดังกล่าวโดยทันที และถ้าอาการนั้นลุกลามควรจะรีบไปปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษาต่อไป
การรับประทานวิตามินรักษาสิวไม่สามารถเห็นผลได้โดยทันที เพราะระยะเวลาที่วิตามินและเครื่องยาเหล่านี้จะทำงานฟื้นฟูผิวได้อย่างดีนั้นจะอยู่ที่ 28 วันขึ้นไป ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ผิวจะเกิดการผลัดเซลล์ด้วยเช่นกัน ดังนั้นคุณต้องรับประทานวิตามินรักษาสิวติดต่อกันอย่างน้อย 28 วันขึ้นไป
แน่นอนว่ามันจะไม่ได้ผลที่ดีแน่ หากคุณรับประทานวิตามินอย่างไม่ต่อเนื่อง ดังนั้นคุณจึงควรเลือกวิตามินรักษาสิวที่อยู่ในราคาที่คุณสามารถจ่ายได้ และสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาในการรับประทานวิตามิน ให้เลือกรับประทานวิตามินรักษาสิวเพียงแค่ 1 ครั้งใน 1 วัน แทนที่จะเป็น 2 ครั้งใน 1 วัน เพื่อเป็นการประหยัดเวลาและป้องกันการลืมรับประทานวิตามินรักษาสิวตามปริมาณที่กำหนดไว้อีกด้วย
การทานวิตามินรักษาสิว เป็นการปรับสมดุลภายในของฮอร์โมนเพื่อรักษาสิวในระยะยาว ทำให้ต้องใช้เวลาและเห็นผลได้ช้าจนกว่าสิวจะหาย ซึ่งถ้าหากคุณอยากให้สิวหายเร็วขึ้น เราแนะนำให้หาโฟมหรือครีมที่มีสูตรรักษาสิวต่าง ๆ มาใช้ทำร่วมด้วย การรักษาสิวจะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดั้งนั้นลองมาดูกันค่ะว่า จะมีสินค้าตัวไหนถูกใจคุณหรือเปล่า
หลังจากที่เราได้แนะนำวิธีการเลือกวิตามินรักษาสิวอย่างถูกต้องและเหมาะสมไปแล้ว มาดูกันดีกว่าค่ะว่า 10 อันดับ วิตามินรักษาสิว ที่ขายดิบขายดีเป็นที่ฮอตฮิตกันจะมียี่ห้ออะไรบ้าง รับรองได้เลยว่าหาซื้อได้ตามเว็บออนไลน์ทั่วไปอีกด้วย
วิตามินรักษาสิวตัวนี้มีส่วนผสมของ Yokuinin ที่ช่วยรักษาสิวอักเสบและสิวอุดตันต่าง ๆ บนใบหน้าได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีส่วนผสมของวิตามินซีในปริมาณที่มากพอที่จะมีประสิทธิภาพช่วยลดรอยแผลจากสิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับผิว ทำให้ผู้ใช้หลายคนเห็นผลในเรื่องของผิวที่ดูเนียนใสและแข็งแรงมากขึ้น แต่ในเรื่องของการรักษาสิวอักเสบยังไม่เห็นผลชัดเจนส่วนใหญ่เพราะไม่มีวิตามิน B2 และ B6 เป็นส่วนประกอบ และจากจำนวนที่บริโภคต่อวันค่อนข้างหลายเม็ด อาจทำให้ใครหลาย ๆ คนลืมหรือรับประทานไม่ต่อเนื่องได้
อาหารเสริมรักษาสิวตัวนี้มีส่วนผสมหลักจาก Hatomugi หรือสารสกัดจากลูกเดือย ที่มีส่วนผสมของสาร Yokuinin ช่วยฟื้นฟูผิวที่เคยถูกทำลายจากมลภาวะต่าง ๆ หรือจากอาการระคายเคืองที่ทำให้ผิวเกิดปัญหาสิวและผื่นแพ้ให้กลับมามีความแข็งแรงมากขึ้น ซึ่งผู้ที่ใช้อาหารเสริมตัวนี้พบว่าผิวมีความเนียนและนุ่มมาก ช่วยลดอาการผิวแห้งลอกได้อย่างเห็นผล แต่จะไม่ค่อยเห็นผลในเรื่องของการรักษาสิวอักเสบโดยตรง
Zinc For Acne ตัวนี้มียอดขายที่น่าประทับใจทั้งในไทยและต่างประเทศ ด้วยสูตรเฉพาะที่ออกแบบมาเพื่อคนผิวมันเป็นสิวง่าย โดยมีปริมาณวิตามินบี 6 ที่สามารถเพิ่มความแข็งแรงให้กับผิว ช่วยป้องกันการเกิดสิวได้ อีกทั้งยังมีส่วนผสมของ Zinc ที่ช่วยควบคุมและกำจัดความมันส่วนเกินได้เป็นอย่างดี และไฮไลท์ที่น่าสนใจอีกเรื่องคือการใช้ส่วนผสมของ Rose Hips ที่อุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญในบำรุงผิวและต่อต้านอนุมูลอิสระ
ใครที่อยากดูแลผิวเป็นพิเศษ วิตามินตัวนี้มีความพิเศษตรงที่รวมเอาวิตามิน B หลายชนิดมาไว้ในเม็ดเดียวกัน อย่างที่เราทราบไปแล้วว่าวิตามิน B2 และ B6 สำคัญสำหรับการดูแลรักษาสิว แต่ในขณะเดียวกันยังมีวิตามิน B3 ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ถูกทำลายจากการเป็นสิวให้กลับมาดูกระจ่างใสขึ้นอีกครั้ง และวิตามิน B5 ที่ช่วยปลอบประโลมและลดอาการอักเสบของสิวได้เป็นอย่างดี วิตามินบีรวมตัวนี้ยังอยู่ในรูปแบบที่สามารถดูดซึมได้อย่างรวดเร็ว ให้ผิวคุณได้รับการบำรุงอย่างเต็มที่ แพ็กเกจเป็นแบบซองพกพาง่าย
วิตามินรักษาสิวตัวนี้ถือเป็นวิตามินที่จัดเต็มในเรื่องขององค์ประกอบที่ช่วยรักษาสิวไม่ว่าจะเป็นปริมาณวิตามิน B2 และ B6 ที่บรรจุมาอย่างเข้มข้น จึงช่วยยับยั้งการอักเสบของสิว ลดความมันส่วนเกินบนใบหน้าได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมอื่น ๆ ที่ทั้งช่วยเสริมประสิทธิภาพในการลดสิวและดูแลผิวในด้านอื่น ๆ อย่างสารสกัด Yokuinin ที่สามารถเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว L-Cysteine และ Vitamin C ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดเลือนรอยดำจากสิวได้อย่างดี
ใครที่เป็นกังวลทั้งเรื่องสิวและเรื่องปัญหาผิวพรรณอื่น ๆ วิตามินรักษาสิวตัวนี้มีส่วนประกอบของวิตามิน B2 และ B6 ในปริมาณที่ค่อนข้างมาก ช่วยดูแลและจัดการปัญหาผิวต่าง ๆ อย่างเห็นผลไม่ว่าจะเป็น สิว ฝ้า กระ หรือผื่นแพ้ต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมของวิตามิน C ที่สามารถช่วยเพิ่มความแข็งแรงและยืดหยุ่นให้กับผิว ผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพให้กลับมากระจ่างใสอีกครั้ง รวมทั้งยังมีส่วนผสมของวิตามินบีตัวอื่น ๆ ที่ช่วยบำรุงผิวได้เป็นอย่างดีเช่น วิตามิน B1 และ B3 ซึ่งมีผลในเรื่องของการควบคุมความมันอีกด้วย
วิตามินรักษาสิวขวดนี้เน้นส่วนผสมของ Zinc ที่ช่วยในเรื่องของการควบคุมความมันส่วนเกินบนใบหน้าได้เป็นอย่างดีและยังมีส่วนผสมของ L-Cysteine ที่นอกจากจะช่วยบำรุงผิวแล้วยังช่วยลดรอยแผลที่เกิดจากสิวได้อีกด้วย อีกจุดเด่นสำคัญของวิตามินตัวนี้คือการใช้วิตามินเอเข้ามาทำงานร่วมกับวิตามินบี 6 ที่ช่วยทำให้สิวอักเสบบนใบหน้าทุเลาเร็วขึ้น ลดอาการบวม แดงและระคายเคืองจากการเป็นสิวได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย
วิตามินรักษาสิวสัญชาติญี่ปุ่นที่กำลังได้รับความนิยมในประเทศไทย เพราะนอกจากจะมีปริมาณวิตามิน B2 และ B6 เข้มข้นแล้ว ยังมีส่วนผสมอื่น ๆ ที่ช่วยฟื้นบำรุงผิวรอบด้านจากภายในไม่ว่าจะเป็นสาร Yokuinin ที่เสริมการทำงานในการรักษาสิวและช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้นห่างไกลจากความแห้งกร้าน มีสาร L-Cysteine และ Glucuronolactone ที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้เกราะป้องกันผิวและช่วยลดทั้งรอยดำและความหมองคล้ำจากผิวที่ถูกทำลายให้กลับมาดูกระจ่างใสและมีสุขภาพดีอีกครั้ง
วิตามินรักษาสิวตัวนี้จะใช้ส่วนประกอบจาก Zinc เป็นหลักซึ่งมีการวิจัยมาแล้วว่าสามารถช่วยยับยั้งการอักเสบของสิวได้อย่างดี อีกทั้งมีคุณสมบัติลดความมันส่วนเกินบนใบหน้าได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมอื่น ๆ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานอย่าง Vitamin C ที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระได้และ Vitamin E ที่ช่วยลดเลือนรอยแผลจากสิวให้จางลง หลายคนที่ใช้เห็นผลในเรื่องการลดสิวบนใบหน้า ในขณะที่บางคนก็ไม่เห็นผลใด ๆ
วิตามินขวดนี้ใช้ทั้งส่วนประกอบของวิตามินสำคัญในการดูแลเรื่องสิวอย่างวิตามินบี 6 ร่วมกับสารสกัดจากธรรมชาติอย่างใบบัวบกที่มีฤทธิ์ในการต้านอาการอักเสบได้อย่างดี และมีส่วนผสมของสังกะสีที่ช่วยในเรื่องของการควบคุมความมันบนผิวหน้าได้อีกด้วย จึงทำให้ผู้ที่รับประทานวิตามินรักษาสิวขวดนี้เห็นผลในเรื่องของสิวอักเสบมีลักษณะยุบลง หน้ามันมีความมันน้อยลง และพบว่าโอกาสในการเกิดสิวบนใบหน้าลดน้อยลงไปด้วย
อย่างที่เราได้เกริ่นไปในข้างต้นแล้วว่าคุณควรจะใช้วิตามินรักษาสิวเป็นเวลาติดต่อกัน 28 วันขึ้นไปถึงจะเห็นผลในการรักษา แต่หากหลังจากใช้วิตามินดังกล่าวไปแล้วยังไม่เห็นผลใด ๆ เกิดขึ้นกับผิวก็ขอให้คุณหยุดการรับประทานวิตามินดังกล่าวเพื่อที่จะเปลี่ยนเป็นยี่ห้ออื่นที่มีประสิทธิภาพในการรักษามากกว่า ทั้งนี้วิตามินรักษาสิวบางยี่ห้อจะเห็นผลได้ก็ต่อเมื่อรับประทานติดต่อกันเป็นระยะเวลา 4 เดือนขึ้นไป ดังนั้นก่อนที่จะซื้อขอให้คุณลองตรวจสอบดูที่บรรจุภัณฑ์ว่าได้ระบุระยะเวลาในการรับประทานไว้หรือไม่ เพื่อที่คุณจะได้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
หากระหว่างที่ใช้วิตามินรักษาสิวแล้วมีผลข้างเคียงบางอย่างหรือมีความผิดปกติเกิดขึ้นกับร่างกายของคุณ ขอให้คุณรีบหยุดการใช้โดยทันที และหากคุณทานยาประจำตัวอื่น ๆ อยู่ด้วย ณ เวลานั้น กรุณาปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้วิตามินรักษาสิวด้วย
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ เราก็หวังว่าคุณจะได้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับทางเลือกในการรักษาสิวที่กวนใจคุณอย่างการรับประทานวิตามินรักษาสิว รวมถึง 10 อันดับ ยี่ห้อวิตามินรักษาสิว ที่ได้รับความนิยม ซึ่งเราได้รวบรวมมาให้จะเป็นข้อมูลที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกซื้อได้อย่างถูกต้อง
อย่างที่เราได้บอกกันไปว่า วิตามินรักษาสิวนั้นเป็นหนึ่งในทางเลือกที่จะช่วยรักษาสิว ซึ่งอาจจะเป็นวิธีที่เห็นผลหรือไม่เห็นผลก็ได้ รวมทั้งการรับประทานวิตามินรักษาสิวเพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอแน่นอนค่ะ เพราะการดูแลผิวที่เหมาะสมจะต้องเริ่มต้นตั้งแต่การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ การดื่มน้ำในปริมาณที่ร่างกายต้องการ การรับประทานผักและผลไม้ที่เป็นประโยชน์ การออกกำลังกาย รวมไปถึงการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะกับสภาพผิวด้วย ดังนั้นหากคุณอยากจะมีผิวที่กระจ่างใสมีสุขภาพดีก็ควรที่จะปฏิบัติให้ครบตามขั้นตอนนะคะ